
“ข้อดีของการเป็นทายาทคือทำให้เราขึ้นชกเร็วกว่าคนอื่น”
“ลูกอยากลองอะไรใหม่ๆ ให้ลองเลยในจังหวะที่พ่อยังแบกไหว"
นี่คือแนวคิดการทำงานระหว่างพ่อ-ลูก จากบ้าน Senior Com ธุรกิจที่อยู่เบื้องหลังธุรกิจมากมาย ที่อาศัยความเป็นมืออาชีพในการ 'ก้าวข้าม' ความแตกต่างระหว่างรุ่น ให้ธุรกิจสามารถส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างราบรื่นและมั่นคง
ในรั้วบ้านของคนทำธุรกิจครอบครัว สิ่งที่เป็นความท้าทายลำดับต้นๆ ที่หลายคนเจอคือเรื่องการสื่อสาร ยิ่งเป็นบทสนทนาเรื่องการทิศทางของธุรกิจ หรือเรื่องตัวเลขยิ่งยากที่จะพูดคุยอย่างประนีประนอม
แต่สำหรับธุรกิจครอบครัวอย่าง Senior Com บทสนทนาระหว่าง “รุ่นพ่อ” อย่างคุณสมเกียรติ อึงอารี และ “รุ่นลูก” อย่างคุณสุพนิต อึงอารี กลับเต็มไปด้วยความเป็นมืออาชีพ และการให้โอกาสเพื่อปิดช่องว่างของความขัดแย้งระหว่างคนสองรุ่น
ไปเรียนรู้แนวคิดเรื่องการสื่อสารระหว่างรุ่นของครอบครัว “อึงอารี” จากเซสชั่น The Family Conversation: Bridging Gaps, Building Futures ของหลักสูตร The DOTs เพื่อนำไปปรับใช้การสื่อสารภายในครอบครัวกัน
จุดเริ่มต้นของธุรกิจ และการก่อตั้งบริษัท ซีเนียร์ คอม
จุดเริ่มต้นของธุรกิจฝั่งคุณพ่อเกิดขึ้นที่ร้านขายจักรยานยนต์ที่เป็นกงสีของครอบครัว กับตำแหน่งพนักงานนับเงินประจำร้าน แต่ความดื้อและความรักอิสระก็พาเขาออกไปเป็นพนักงานบริษัท เรียนรู้ระบบองค์กร และกลับมาตั้งบริษัท Senior Com ซึ่งเป็น Software House ของตัวเองตั้งแต่อายุ 28 ด้วยความเชื่อที่ว่า
“ถ้าเริ่มแล้วล้มตอนนี้ ก็ยังกลับไปทำงานประจำต่อได้”
คุณสมเกียรติเชื่อในการล้มเร็ว ลุกเร็ว และเรียนรู้ให้เร็ว เพราะการล้มคือครูที่สอนให้เรียนรู้ว่าเราล้มเพราะอะไร และจะป้องกันไม่ให้ล้มแบบเดิมอย่างไร
ด้วยความเชื่อดังกล่าวทำให้คุณพ่ออยากยื่นโอกาสนี้ให้กับลูกสาว โดยให้มาสานต่อธุรกิจ เพราะอยากให้ลูกรีบลองให้หนักในจังหวะที่คุณพ่อยังช่วยซัพพอร์ตไหว
ฝั่งคุณฝนผู้เป็นลูกสาวก็เติบโตมากับบริษัท Senior Com ที่คุณพ่อสร้างขึ้น ได้เห็นการทำงานมาตั้งแต่เด็ก แม้คุณฝนจะได้โอกาสไปทำงานต่างประเทศ และได้รับข้อเสนอมากมายหลังจบปริญญาตรีสาขา Software Engineer แต่เธอก็เลือกกลับมาทำธุรกิจที่บ้าน เพราะมองว่าการกลับมาต่อยอดต่อจากคุณพ่อไม่ใช่เรื่องเสียหาย
Project Manager คือตำแหน่งแรกที่คุณฝนเข้ามารับเพื่อเรียนรู้องค์กร รูปแบบงาน การสร้างทีม และสร้างผลงานก่อนขยับมารับบทบาท C-Level หลังจากใช้ผลงานพิสูจน์ตัวเองได้
เมื่อรุ่นลูกขยับขึ้นมาทำงานในบทบาทที่ใหญ่ขึ้น บทสนทนาเรื่องงานก็อาจเกิดความขัดแย้ง หรือความเห็นที่ไม่ตรงกัน ซึ่งครอบครัวนี้ตั้งใจทำให้การสื่อสารเป็นแบบมืออาชีพ โดยการหยิบตัวเลข และข้อมูลขึ้นมาเป็นบรรทัดฐานแทนการสาดความรู้สึกใส่กัน รวมไปถึงการวางกติกา “บ้านคือบ้าน งานคืองาน” เพื่อให้สมาชิกทุกคนเคารพเวลาของกันและกัน
(เก็บข้อมูลก่อน) คุยกับทีม หรือคนใกล้ชิดล่วงหน้า จะได้ไม่เสียเวลาไปกับไอเดียที่ครอบครัวมองว่าเสี่ยงตั้งแต่ต้น
(วาดภาพให้เข้าใจตรงกัน) นำข้อมูลที่ได้มาสร้างโครงร่าง วาดภาพให้ทุกคนเห็นตรงกัน
(ตัดสินใจ และลงมือทำ) เมื่อทุกคนเข้าใจภาพใหญ่ ก็ลงมือทำอย่างมีเป้าหมาย
ทั้งคู่เสริมว่าสำหรับธุรกิจครอบครัวที่อยากผันตัวมาเป็น Corporate มากขึ้นสามารถนำเทคนิค Build To Real ไปปรับใช้กันได้
ประกอบไปด้วย 3S คือ START - STOP - STAY
บทเรียนของสองพ่อลูกจากธุรกิจ Senior Com ไม่ได้เป็นแค่แนวทางสำหรับทายาทที่อยากสื่อสารให้ชนะใจ พ่อแม่เท่านั้น แต่เป็นโอกาสในการปรับวิธีคิดและวิธีคุยระหว่างรุ่นพ่อ-รุ่นลูก ผ่านการคุยอย่างมีเหตุผล ใช้ข้อมูลเป็นบรรทัดฐาน และให้โอกาสลงมือทำ เมื่อ “รอยต่อ” ระหว่างรุ่นเรียบขึ้น เส้นทางสู่อนาคตก็กลายเป็นถนนที่ทุกคนในครอบครัวเดินไปด้วยกันได้อย่างราบรื่น